ฟอกเกียร์ คือ
การทำความสะอาดภายในระบบเกียร์ ทั้งหมด
โดยใช้น้ำมันเกียร์ ที่สะอาดเข้าไปวนหลายๆรอบ
เพื่อทำความสะอาด แล้ว เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ใหม่
เข้าไปให้เต็มเกียร์ทั้งลูก เหมือน ออกจากโรงงาน
(เปลี่ยนถ่ายปกติทำแบบนี้ไม่ได้)
โดยจะแบ่งเป็นขั้นตอน ประมาณนี้ครับ
1. กรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเกียร์เดิม
เป็นพวกเศษโลหะ อโลหะ เล็กๆ เล็กมาก
(มองไม่ค่อยเห็น แต่สัมผัสได้ ถ้าเอานิ้วไปถูๆ
มันจะสากๆ เหมือนน้ำโคลนที่มีเศษทรายปนอยู่)
โดยที่ เครื่องฟอกเกียร์ จะมีไส้กรอง
แล้วก็ปั๊มดูด น้ำมันเกียร์ของเดิม ให้ผ่าน
ตัวกรองนี้ (เหมือนเครื่องกรองน้ำ)
สิ่งสกปรกก็จะติดอยู่ที่ไส้กรอง
แล้วน้ำมันเกียร์เดิมก็จะสะอาดขึ้น
เพื่อจะเข้าไปวนในระบบเกียร์
ซึ่งอยู่ในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนนี้ ไม่ได้ทำให้น้ำมันเกียร์ใส
แต่ทำให้สะอาด
ณ จุดๆนี้ เรียก
“ฟอกน้ำมันเกียร์”
2. พอน้ำมันเกียร์สะอาด ก็ให้วนกลับเข้าไปในระบบเกียร์
เพื่อชะล้างส่ิงสกปรกภายในเกียร์ออกมาอีก
มาผ่านเครื่องฟอก ผ่านไส้กรอง
(ไปที่ข้อ 1 เมื่อกี้) วนไปเรื่อยๆ
ไล่ไปทีละเกียร์ จนครบทุกตำแหน่ง
ในขั้นตอนต่อไปนี้เป็นจุดสำคัญ
เราเข้าเกียร์ไล่เกียร์ไปทีละตำแหน่ง
P >> R >> N >> D >> S >> L >> 1 >> 2
จนครบทุกเกียร์ และ ครบตามระยะเวลาที่กำหนด
การไล่เกียร์ทุกตำแหน่งสำคัญยังไง ?
เป็นการเปิดห้องเกียร์แต่ละห้อง
ให้น้ำมันเกียร์ไหลผ่านเข้าและออก
ไปนำเอาส่ิงสกปรกออกมา
และ ไปกรองออกที่เครื่องกรองให้ได้มากที่สุด
ระบบเกียร์ก็จะเริ่มสะอาดขึ้นจากจุดๆนี้
ตรงนี้แหละ เรียกว่า ฟอกเกียร์
เมื่อเข้าเกียร์ ล้อก็ต้องหมุน
ขั้นตอนนี้รถถูกห้อยอยู่บนลิฟท์ หรือ ฮ๊อย
เพื่อให้ ล้อหมุนได้
แต่ เป็นภาระช่วงล่าง
เป็นภาระช่วงล่างยังไง ?
การที่ ช่วงล่างห้อยลงมาสุด เครื่องต้องติด
และ ล้อต้องหมุน ด้วยนั้น
ไม่ใช่วิสัยปกติของรถยนต์
มันไม่ได้ออกแบบมาให้ทำแบบนี้เป็นเวลานาน
ในกระบวนการฟอกเกียร์และไล่เกียร์นี้ รวมเกือบ 1 ชั่วโมง
ช่วงล่างอาจจะเกิดความเสียหาย หรือ สึกหรอ มากกว่าปกติ
ปีกนก ลูกหมาก บูชต่างๆ และโช็คอัพ ที่ห้อยลงมาสุด
อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่ากางสุด ตึงสุด อาจจะเสียหายได้
เราจึงได้ทำอุปกรณ์พิเศษไว้ Support โดยเฉพาะ
เราไม่ยกรถและหมุนล้อไปด้วย
เราเดินเครื่องหมุนล้ออยู่บนแท่น Support
เหมือนอยู่บน แท่นไดโน่
ช่วงล่างทุกอย่างทำงานเหมือนปกติ ปลอดภัย
ไม่เสียงต่อการหลวมคลอนของช่วงล่าง 100%
ยกตัวอย่าง รถที่ใช้ช่วงล่างระบบถุงลม AirMatic จากโรงงานทั้งหลาย
การที่ยกรถลอยแล้วสตาร์ทเครื่องไปด้วยนั้น เสี่ยงมาก
ที่ระบบถุงลมจะทำงานผิดปกติ
เพราะมันส่วนใหญ่มีระบบปรับสมดุลของตัวรถ
แต่ในเมื่อตัวรถไม่ได้อยู่ในตำแหน่งปกติ
มันห้อยอยู่แต่ล้อดันหมุน ECU มันก็คิดว่าอยู่บนพื้นถนน
ทีนี้มันก็ปรับกันใหญ่จนพัง บางคันมีมาแล้ว ถุงลมแตก
ปั๊มพัง มีแต่เสียเงินทั้งนั้น
แต่ถ้ามาทำที่เรา ช่วงล่าง ปลอดภัย ไร้กังวล ไม่พังชัวร์
เมื่อวนทุกเกียร์และครบกำหนดเวลาแล้ว
3. ก็ถึงเวลา เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์
โดย น้ำมันเกียร์เก่า จะถูกดูดออก
พร้อมกับ น้ำมันเกียร์ใหม่ ก็จะถูกดันเข้ามา
ในปริมาณที่เท่ากัน คือ ดูดออก 1 ก็ปั๊มเข้า 1
จนครบตามปริมาณที่กำหนด
วิธีการนี้ทำให้ระดับน้ำมันเกียร์ในระบบ
เท่าเดิมตลอด แต่เป็น น้ำมันเกียร์ใหม่
ที่ค่อยๆเข้าไป แทนที่ น้ำมันเกียร์เก่า
ขั้นตอนนี้เรียกว่า ฟรัชชิ่งเกียร์
ความใสของน้ำมันเกียร์
จะอยู่ที่ขั้นตอนนี้
ยิ่งใช้ น้ำมันเกียร์ใหม่ เยอะ
ก็ยิ่งใส
ในมุมการค้า หลายๆร้าน พยายาม
พูดเรื่องความใส ได้ขายน้ำมันเกียร์เยอะๆ
(ก็ยิ่งเยอะมันยิ่งใส ดูสะอาด)
ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ใสกิ๊งๆ อย่างเดียว
ใสมากไปก็ มีผลเสีย มันมีองค์ประกอบ
ให้พิจารณาด้วย แต่เอาไว้อ่านอีกเรื่องนึง
แล้วกันครับ ไม่งั้นยาวเกิ๊นน
4. สิ่งที่ได้หลังฟอกเกียร์แล้ว
อย่างแรก คือ ความสะอาดของระบบเกียร์
ซึ่งอย่างที่เห็น มันสะอาดกว่าเดิมมาก
อย่างที่สอง ประสิทธิภาพของเกียร์ดีขึ้นแน่นอน
เพราะ ได้น้ำมันเกียร์ใหม่ เต็มๆ ทั้งระบบ
รวมถึงการถ่ายทอดกำลัง ก็ได้เต็มๆ
อย่างที่สาม อายุการใช้งานของเกียร์ก็ต้องยืนยาวขึ้น
เพราะทั้งสะอาด ทั้งคุณสมบัติดีๆ ของน้ำมันเกียร์ใหม่ เต็มๆ
5. เช็คระดับน้ำมันเกียร์ ขั้นตอนสุดท้าย
เช็คระดับน้ำมันเกียร์ ให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดี
แล้วออกไปลองวิ่งดู สัมผัสความเปลี่ยนแปลงกันได้เลยครับ
ก็เป็นอันเสร็จพิธี
เป็นอย่างไรกันบ้าง น่าจะพอเข้าใจภาพของ
การฟอกเกียร์ มากขึ้น
ว่ามันมีขั้นตอนอย่างไร
หากมีข้อสงสัยก็สอบถามกันเข้ามาได้
หรือจะ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ที่ไหนดี
ก็ตามที่อยู่ ลิงค์ด้านล่างเลยนะครับ
RTG Auto and Development
โทร : 080 584 6151
Line Id : tome633
Facebook : Facebook.com/RodTidGas/